ปฏิเสธไม่ได้ว่า Silent Hill 2 นั้นมาพร้อมกับทั้งความเปลี่ยนแปลง และความคลาสสิกในตัวของมันเองด้วยระบบกราฟิกที่พัฒนาขึ้น เช่นเดียวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ปลดล็อกข้อจำกัดจากเกมภาคต้นฉบับให้ตรงกับวิสัยทัศน์ของเกมมากกว่าที่เคย อย่างไรเสียดูเหมือนว่ากว่าจะได้เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เราได้เห้็นกันในเกมภาครีเมคนี้ทีมงานต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาองค์ประกอบเกมหลายอย่างเลยทีเดียว
ภายในเว็บไซต์ของนิตยสาร Famitsu จากญี่ปุ่นได้มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ Motoi Okamoto โปรดิวเซอร์คนเก่งที่ดูแลโปรเจ็กต์นี้ด้วยว่าแท้ที่จริงแล้ว ระหว่างการพัฒนาเกมภาครีเมคได้มีการปรึกษาพูดคุยกับทีมงานชุดเดิมคนสำคัญไม่ว่าจะเป็นคุณ Masahiro Ito ผู้ออกแบบศิลป์ หรือ Akira Yamaoka นักประพันธ์เพลงมือทองคู่บุญของซีรีส์ ทว่าพวกเขารวมไปถึงทีมงานของญี่ปุ่นต่างมีความต้องการที่จะให้เกมเปลี่ยนโฉมแบบยกเครื่องมากกว่าที่เราเห็น
คุณ Motoi กล่าวขำๆ ว่าด้วยไอเดียที่ประดังประเดเข้ามามากมายทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะต้องคิดว่าเอาคอนเซปต์ไหนเก็บไว้ และคอนเซปต์ไหนจะต้องตัดออกหรือเพิ่มเข้ามา และบ่อยครั้งคนที่คอยห้ามปรามว่าจุดต่างๆ ไม่ควรเปลี่ยนก็คือ Bloober Team ด้วยซ้ำ แต่โดยรวมแล้วเขาก็คิดว่าเกมออกมาเป็นผลงานที่ทันสมัยและมีความเป็นต้นฉบับหลงเหลืออยู่ในปริมาณที่มากพอและเหมาะสมครับคำพูดจาก สุดยอดเว็บเดิมพันออน
เป็นที่ทราบกันดีว่าลักษณะนิสัยของคนญี่ปุ่นมักจะชอบความเซอร์ไพรส์เป็นทุนเดิม ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกันเพราะคุณ Motoi เห็นว่าทุกคนในฝั่งทีมชุดเดิมต่างต้องการให้ผู้เล่นได้เห็นความแปลกใหม่ในเกม และหลายจุดเคยถูกปรับเปลี่ยน ‘ให้ไม่เหมือนเดิมแบบ 100%’ เลยดูซ้ำ แต่ด้วยความที่ Bloober Team ชื่นชอบเกม Silent Hill ภาคต้นฉบับอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าอยากจะให้มีการหลงเหลือคุณสมบัติเก่าๆ ที่ทุกคนคุ้นตากันอยู่บ้างนั่นเองครับ
สำหรับ Silent Hill 2 วางจำหน่ายในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ซึ่งรูปแบบมาตรฐานที่มาพร้อมกับเกมภาคหลักตัวเต็ม ราคา 2,147 บาท และเกมชุด Digital Deluxe ในราคา 2,454 บาท โดยรูปแบบพิเศษจะมาพร้อมกับไอเทมเครื่องแต่งกายเป็นหน้ากากของ Pyramid Head สำหรับตัวละครหลัก, หนังสืออาร์ตบุ๊กไฟล์ดิจิทัล และอัลบั้มเพลงประกอบไฟล์ดิจิทัล ที่สำคัญจะสามารถเข้าเล่นเกมแบบ Early Access ได้ก่อนกำหนดวางจำหน่ายจริงสองวัน
FamitsuBloober Team konami Silent Hill 2